5.1 โลกเสื่อมตั้งแต่เริ่มต้น

5.1 โลกเสื่อมตั้งแต่เริ่มต้น


เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันก่อนที่จะกล่าวถึงความเสื่อมของจักรวาลต่อไป จึงขออธิบายในที่นี้ว่า ความเสื่อมของจักรวาลในที่นี้หมายถึง การที่สรรพสิ่งทั้งหลายทุกชนิด ทั้งในโลกและนอกโลก มีสภาพ แปรเปลี่ยนวิปริตไปจากสภาพเดิมที่เคยเป็นอยู่ มิได้หมายเพียงเฉพาะปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในท้องจักรวาล เท่านั้น และไม่ได้มุ่งเน้นไปถึงช่วงที่จักรวาลจวนเจียนจะถูกทำลายใกล้ดับสลายเต็มที แต่จะหมายรวมตั้งแต่ เริ่มมีความเสื่อมปรากฏขึ้นต่อสรรพสิ่งในโลก

จากจุดเริ่มต้นหลังจากที่จักรวาลและภพภูมิต่างๆ เกิดขึ้นเป็นรูปร่างดังที่ปรากฏในโครงสร้างของ จักรวาลแล้ว สิ่งต่างๆ เริ่มที่จะคงที่ คือ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงที่ยังคงดำเนินอยู่ก็มีเพียง ภพภูมิอันเป็นที่อยู่ของมนุษย์ ซึ่งแรกเริ่มเดิมที การเปลี่ยนแปลงมีเพียงเล็กน้อยมาก แต่ทันทีที่มีมนุษย์เกิดขึ้น การเปลี่ยนแปลงก็เริ่มเกิดขึ้นทันที และเมื่อมนุษย์เข้าไปมีความสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมด้วยวิธีการต่างๆ การเปลี่ยนแปลงจึงดำเนินไปรวดเร็วขึ้น และยังเปลี่ยนแปลงต่อเนื่องมาจวบจนกระทั่งปัจจุบัน การที่มนุษย์เข้าไปมีความสัมพันธ์กับสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะโดยประการใดก็ตาม ไม่เพียงทำให้สิ่งต่างๆ แปรเปลี่ยนวิปริตผิดไปจากเดิมที่เคยเป็นเท่านั้น ผลจากการกระทำอันเกิดจากความสัมพันธ์นั้น ยังส่งผลให้มนุษย์เองก็เปลี่ยนไปด้วย ซึ่งถ้าได้พิจารณาดูก็จะเห็นว่า สภาพที่เปลี่ยนไปนั้นเป็นลักษณะของอาการเสื่อมอย่างเห็นได้ชัด

จากเดิมมนุษย์ซึ่งลงมาจากพรหมชั้นอาภัสสรานั้น มีผิวพรรณผ่องใส มีรัศมีกายสว่างไสว และมีแสงสว่างเรืองรองในตัว ไม่ต้องอาศัยความสว่างจากภายนอก มีกายเบาบางโปร่งใสไม่มีเพศ สามารถเหาะเหินเดินทางไปมาในอากาศได้ ไม่ต้องบริโภคอาหารหยาบเพราะมีปีติเป็นภักษาหาร มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่มาช้านาน ด้วยความสะดวกสบายไม่มีความทุกข์ใดๆ เลย แต่ครั้นเมื่อมนุษย์ลิ้มรสของง้วนดินซึ่งเป็นธาตุหยาบเข้าไป เพราะไม่สามารถข่มอำนาจแห่งความปรารถนาได้ ความเปลี่ยนแปลงจึงเริ่มปรากฏขึ้น ทั้งต่อมนุษย์เอง และต่อสิ่งแวดล้อม

ความเปลี่ยนแปลงที่ปรากฏแก่มนุษย์ คือ มนุษย์มีผิวพรรณหยาบกร้านขึ้น ไม่ผ่องใสดังเดิม รัศมีและแสงสว่างที่เคยมีหายไป เพศหญิงเพศชายปรากฏขึ้น อวัยวะต่างๆ ภายในเกิดขึ้น (เป็นอวัยวะที่สืบเนื่องมาจากการบริโภคอาหารหยาบเข้าไป จึงต้องมีอวัยวะต่างๆ มารองรับ) จากที่เคยเหาะไปมาในอากาศได้ก็ไม่สามารถทำได้อีก ต้องลงมาอยู่บนพื้นดินและเมื่อจะเดินทางไป ณ ที่แห่งใด ก็ต้องอาศัยการเดินทางด้วยเท้า

ส่วนการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นแก่สิ่งแวดล้อมหรือจักรวาลก็คือ ทันทีที่มนุษย์ไม่ดำเนินชีวิตดังที่เคยเป็น จึงส่งผลให้สิ่งต่างๆ เปลี่ยนแปลงไป จากที่ไม่มีก็ปรากฏขึ้น จากที่มีก็หายไป หรือลดน้อยและเสื่อมลงทั้งปริมาณและคุณภาพ เริ่มตั้งแต่ปรากฏดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ขึ้นเพื่อให้แสงสว่าง จากนั้นดวงดาวทั้งหลายจึงเกิดขึ้น ด้วยเหตุนี้ จากที่ไม่มีกลางวันกลางคืนก็ปรากฏมีกลางวันกลางคืน ฤดูกาลต่างๆ เกิดขึ้น มีลมพัด มีความร้อน ความเย็น ง้วนดินที่เคยมีอย่างอุดมสมบูรณ์และมีรสโอชาค่อยๆ หมดไป กลายเป็นอาหารชนิดซึ่งมีรสโอชาด้อยกว่าและค่อยๆ หมดไปในที่สุดเช่นกัน

จะเห็นว่าโลกหรือจักรวาลนั้นไม่ได้เพิ่งเสื่อมในช่วงหลังนี้ แต่โลกเสื่อมมาตั้งแต่เริ่ม เรียกว่า เสื่อมตั้งแต่มีมนุษย์ พอมนุษย์เกิดโลกก็เริ่มเสื่อม แต่เป็นเพราะความเสื่อมยังไม่ปรากฏชัดเจน เราจึงมองไม่ออกว่าเป็นความเสื่อม อาจจะมองว่าเป็นเพียงความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ซึ่งกำลัง อยู่ในช่วงของการดำเนินไปสู่จุดสมดุล แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะถ้าหากว่าเราเปรียบเทียบ สิ่งที่เกิดขึ้นกับสิ่งที่เคยมีมาแต่เดิม ทั้งตัวมนุษย์และสิ่งแวดล้อมเราจะเห็นอย่างชัดเจนว่า มนุษย์และสิ่งแวดล้อมที่มีมาแต่เดิมนั้น มีลักษณะหรือคุณภาพที่ดีกว่าสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า โลกเราเสื่อมตั้งแต่เริ่ม

Complete and Continue