2.3 อสุรกายภูมิ (16:35)

2.3 อสุรกายภูมิ

      เมื่อนักศึกษาได้ทำความรู้จักกับเปรตกันไปแล้ว ยังมีสัตว์อีกประเภทหนึ่งที่น่าสนใจ และมีลักษณะคล้ายคลึงกับเปรตมาก คือ อสุรกาย จนบางครั้งทำให้เราเข้าใจสับสนจนไม่สามารถแยกแยะได้ว่า ตัวไหนเป็นเปรต ตัวไหนเป็นอสุรกาย ในหัวข้อนี้ นักศึกษาจะได้ทำความเข้าใจในเรื่องของอสุรกายจนสามารถแยกแยะได้ว่า เปรตและอสุรกายแตกต่างกันอย่างไร

      อสุรกายภูมิ จัดเป็นอบายภูมิอันดับที่ 3 เป็นปรโลกฝ่ายทุคติ ที่ชื่อว่า อสุรกายภูมิ เพราะเป็นสถานที่ปราศจากความร่าเริง สัตว์ที่ละโลกจากอัตภาพที่เป็นมนุษย์ไปเป็นอสุรกายก็ดี หรือหมดกรรมจากมหานรกมาเป็นอสุรกายก็ดี ย่อมไม่ได้รับความบันเทิงใจ ไม่มีความสนุกสนานร่าเริงอย่างโลกมนุษย์ จะต้องได้รับทุกขเวทนาอย่างเผ็ดร้อนจากผลกรรมชั่วที่ตนกระทำไว้ครั้งเป็นมนุษย์ เป็นระยะเวลาที่ยาวนานทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทุกข์ทรมานเบาบางกว่าในมหานรก อุสสทนรก และยมโลกมาก

2.3.1 ที่ตั้งของอสุรกายภูมิ

      อสุรกายมีรูปร่างลักษณะคล้ายเปรต เวทนาที่ได้รับก็คล้ายคลึงกันมาก แม้แต่ที่อยู่อันเป็นที่ตั้งของภูมิอสุรกายก็อยู่ที่เดียวกัน คือ อยู่ใต้เขาสิเนรุ อยู่ในซอกเขาอีกชั้นหนึ่ง อยู่ในภูมิเดียวกับเปรต 

2.3.2 ลักษณะความเป็นอยู่ของอสุรกาย

      เมื่อกล่าวถึงชีวิตความเป็นอยู่ของอสุรกายทั้งหลาย มีชีวิตอยู่อย่างแสนลำเค็ญเช่นเดียวกับเหล่าเปรตส่วนมาก เช่น อสุรกายบางตนมีสรีระร่างกายน่าเกลียดพิลึกเพราะมีกายผ่ายผอม ตัวสูงชะลูดนับได้เป็นร้อยเป็นพันวาขึ้นไป เนื้อและโลหิตในสรีระร่างกายดูเหมือนไม่มีสักนิด มีแต่หนังหุ้มกระดูก เหมือนสัตว์ตายซาก ประดุจดังใบไม้แห้ง กลิ่นตัวเหม็นสาบเหม็นสางสุดประมาณ มีดวงตาเล็กเท่ากับตาของปูที่เราเห็นกันอยู่ในมนุษยโลก และตาไม่ได้ตั้งอยู่ที่ใบหน้าเหมือนอย่างตาของมนุษย์เรา แต่ว่าตั้งอยู่บนศีรษะตรงกระหม่อม มีปากเล็กมาก ประมาณเท่ารูเข็ม อยู่บนศีรษะกลางกระหม่อมใกล้ๆ กับดวงตา 

      นอกจากจะมีรูปร่างแปลกพิลึกน่าทุเรศดังกล่าวมาแล้ว อสุรกายทั้งหลายยังมีความเป็นอยู่อย่างแสนจะลำบากยากเย็น ต้องเผชิญกับความหิวกระหายอยู่ตลอดเวลา ด้วยการแสวงหาอาหารนั้น เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะความที่มีตาเล็ก ไม่สมกับร่างซึ่งสูงชะลูด มิหนำซ้ำยังตั้งอยู่บนศีรษะกลางกระหม่อมเสียอีก ทำให้มองเห็นอาหารได้ยาก แม้เมื่อพบเจออาหารตามอสุรกายวิสัยแล้ว จะกินอาหารแต่ละครั้งก็ยังลำบากเพราะว่าปากตั้งอยู่กลางกระหม่อมบนศีรษะ เวลาจะบริโภคอาหารจึงต้องเอาหัวปักลงมาข้างล่างเอาตีนชี้ฟ้า ต้องตั้งท่าอย่างนี้จึงจะกินอาหารได้ และกว่าอาหารจะเข้าปากไปได้ก็สุดแสนลำเค็ญเพราะว่ามีปากเท่ารูเข็มเท่านั้นเอง ต้องเสวยกรรมเป็นอสุรกายสัตว์อันน่าสงสาร ทนทุกข์ทรมานเพราะความหิวกระหายอยู่อย่างนี้ นับเป็นเวลาหลายพันหลายหมื่นปี จนกว่าจะสิ้นอกุศลกรรมที่ตนทำไว้

2.3.3 เหตุที่ทำให้เกิดเป็นอสุรกาย

      การเกิดมาเป็นอสุรกายมีความทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ ก็เพราะผลแห่งการกระทำเมื่อครั้งเกิดเป็นมนุษย์ อกุศลกรรมที่ทำให้เกิดมาเป็นอสุรกาย คือ ความโลภ ความอยากได้ของผู้อื่นในทางมิชอบ เช่น เมื่อครั้งเป็นมนุษย์มีความโลภเกิดขึ้น ทำการประกอบทุจริตกรรมด้วยการปล้นลักขโมย หรือกระทำการฉ้อโกงทรัพย์สมบัติของผู้อื่น โดยไม่รู้จักประกอบอาชีพทำมาหากิน เห็นผู้อื่นมีทรัพย์สมบัติก็เกิดริษยาปรารถนาจะทำลายล้าง หรืออยากจะเอามาเป็นสมบัติของตน แล้วลงมือประกอบอกุศลกรรมเพื่อจะให้ได้มาซึ่งสมบัติอันตนปรารถนา

      หรือมิฉะนั้น ก็เป็นคนละโมบโลภมากจนหน้ามืด ฉ้อโกงเอาทรัพย์สินอันเป็นของสงฆ์ ซึ่งผู้มีศรัทธาอุทิศถวายสงฆ์ ให้เป็นสังฆทาน หรือเห็นเขาขุดบ่อขุดสระ สร้างสาธารณสถานสำหรับคนทั่วไป ก็อยากจะได้เอามาเป็นของตน เมื่อไม่ได้ก็หาทางทำลายล้าง ไม่ให้ผู้อื่นบริโภคใช้สอยด้วยความริษยา เป็นพาลโดยแท้ ครั้นแตกกายทำลายขันธ์ อกุศลกรรมเหล่านี้ก็ฉุดกระชากลากลงไปเกิดในนรก ต้องหมกไหม้อยู่ด้วยไฟนรกสิ้นกาลช้านาน ครั้นพ้นจากนรกแล้วเศษบาปยังไม่สิ้นจึงต้องมาถือกำเนิดเกิดในภูมิอสุรกายนี้ ต้องเสวยทุกขเวทนายาวนานไปจนกว่าจะสิ้นกรรม

2.3.4 ความแตกต่างระหว่างเปรตกับอสุรกาย

       ตามที่กล่าวมานี้ จะเห็นได้ว่า อสุรกายสัตว์นี้ มีภาวะที่ละม้ายเหมือนกับเปรตเป็นส่วนมาก ทั้งชีวิตความเป็นอยู่ และอกุศลกรรมที่เขาได้ทำไว้แต่ชาติปางก่อน ทั้งนี้เพราะว่า ภูมิทั้ง 2 นี้ ใกล้ชิดติดกันมาก ฉะนั้นจึงมีชื่อเรียกติดต่อกันไปว่า เปรตอสุรกาย แต่จะอย่างไรก็ตาม เปรตกับอสุรกายนี้มีความแตกต่างกัน พอที่จะสังเกตได้ดังนี้ 

  • 1. สัตว์ทั้งหลายที่ไปเกิดในโลกเปรตนี้ นอกจากต้องเสวยผลแห่งกรรมชั่วที่ตัวทำไว้ มีลักษณะการ ต่างๆ ตามประเภทแห่งกรรมที่ชักนำมาให้บังเกิดเป็นเปรตแล้ว ยังต้องประสบทุกขเวทนา เพราะความอดอยากอาหารเป็นส่วนมาก ตลอดเวลามิได้กินอาหารเลย ต้องเสวยความทุกข์ทรมานถูกความโหยหิวเข้าครอบงำอย่างเหลือประมาณ กรรมยังไม่สิ้น ตราบใดก็ต้องได้รับความโหยหิวอยู่ตราบนั้น
  • 2. สัตว์ทั้งหลายที่ไปบังเกิดในโลกอสุรกายนี้ ย่อมประสบทุกขเวทนา เพราะความหิวกระหายน้ำเป็นส่วนมาก แท้จริงสัตว์ทั้งหลายในอสุรกายภูมินั้นเพราะวิบากแห่งอกุศล แม้น้ำที่จะหยดถูกปลายลิ้น ว่าจะให้เปียกสักนิดก็ไม่มีเลย ตลอดเวลา 2-3 พุทธันดร บางครั้งเห็นบ่อ บึง แม่น้ำ ก็มีความปีติยินดีว่าจะได้ดื่มน้ำนั้น พยายามตะเกียกตะกายไป แต่พอไปถึงบ่อน้ำนั้น ก็กลับกลายเป็นเพลิงลุกโพลงเผารนตนทุกข์ทรมานมาก หรือบางทีก็กลับกลายเป็นแผ่นศิลาอันแห้งผาก อสุรกายเหล่านั้นก็มีจิตเหือดแห้ง เพราะกระหายน้ำ ต้องเสวยทุกขเวทนาเพราะความกระหายน้ำอยู่อย่างนี้ จนกว่าจะสิ้นอกุศลกรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อน 

      จากข้อความที่กล่าวมานี้ นักศึกษาคงพอจะเห็นความแตกต่างระหว่างเปรตกับอสุรกายบ้าง โดยรูปลักษณ์แล้ว เปรตกับอสุรกายมีความคล้ายกันมาก แต่ว่าอสุรกายนั้นจะมีรูปร่างที่พิลึกประหลาดมากกว่า อย่างไรก็ตาม บางครั้งก็ยากที่จะแยกให้เห็นความแตกต่างได้ ในการพิจารณาจึงให้ดูที่ลักษณะของทุกขเวทนาที่ได้รับ ความทุกข์ทรมานของเปรตนั้น เนื่องมาจากความหิว ความอดอยากเข้าครอบงำเป็นหลัก ส่วนอสุรกายนั้น มีความทุกข์ทรมานเพราะความกระหายน้ำเป็นหลัก สัตว์ในภูมิทั้ง 2 นี้ ต้องประสบกับความลำบากในการครองชีวิตอย่างแสนสาหัส เพราะว่าเขาเป็นสัตว์ในอบายภูมิ คือ ภูมิที่มีแต่ความชั่วร้าย ไม่มีความสุขนั่นเอง 

       นักศึกษาคงจะรู้จักอสุรกายภูมิมากขึ้นแล้ว ทั้งรูปร่างลักษณะ ความเป็นอยู่ กรรมที่ทำให้เกิดมาเป็นอสุรกาย และความแตกต่างระหว่างเปรตกับอสุรกาย ดังนั้น การกระทำของเรามีผลต่อการไปสู่อบาย มีนรก เปรต อสุรกายทั้งสิ้น แม้อสุรกายจะมีความทุกข์ทรมานที่น้อยกว่าก็ตาม เพราะฉะนั้นชีวิตมีเวลาจำกัด ทุกวินาทีต้องละชั่ว ทำดี ทำจิตให้ผ่องใส เพื่อจะได้พ้นภัยจากอบายกันทุกคน

Complete and Continue