นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง (18:57)

นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

 

      เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เพื่อแสวงหาสิ่งที่ทำให้ใจของเราบริสุทธิ์ที่สุด บริสุทธิ์จนกระทั่งพบกับตัวตนที่แท้จริง ที่มั่นคงที่สุดไม่มีการเปลี่ยนแปลง และมีความสุขอย่างแท้จริง พระผู้มีพระภาคเจ้าและพระอรหันตเจ้าทั้งหลาย ได้พบว่า พระรัตนตรัยเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด และมีอยู่แล้วในตัวของพวกเราทุกคน เป็นธรรมที่สงบ ละเอียด ประณีต จะนึกคิดหรือคาดคะเนเอาไม่ได้เลย เพราะเป็นสิ่งที่เราจะต้องปฏิบัติให้เข้าถึงเอง ต้องปรับใจให้ละเอียด ให้หยุดนิ่งไปตามลำดับ จนกระทั่งเข้าไปถึงแหล่งแห่งความสุข ความบริสุทธิ์ แหล่งของสติ แหล่งของปัญญา แล้วเราก็จะรู้เห็นทุกสิ่งไปตามความเป็นจริง

 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน ขุททกนิกาย ธรรมบท ว่า
                         "ชิฆจฺฉา ปรมา โรคา   สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา   เอตํ ญตฺวา ยถาภูตํ   นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ
     ความหิวเป็นโรคอย่างยิ่ง สังขารทั้งหลายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง บัณฑิตทราบเนื้อความนั้นตามความจริงแล้ว พึงกระทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน เพราะพระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง"

     สังขารเป็นรังแห่งโรคนี้ เป็นทางมาแห่งความทุกข์ทั้งสิ้น เพราะสังขารเป็นผลที่สืบเนื่องมาจากอวิชชา ซึ่งเป็นต้นตอของกิเลสอาสวะทั้งหลาย ส่วนวิสังขารคือพระนิพพาน เป็นสภาวะที่ปราศจากกิเลส คือ อวิชชาเข้ามาครอบงำไม่ได้ จึงเป็นสุขอย่างยิ่ง คำว่าสุขอย่างยิ่งนั้นเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่อธิบายให้เข้าใจได้ยาก ผู้รู้ท่านใช้คำว่า ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ เป็นสิ่งที่วิญญูชนทั้งหลายจะพึงรู้ได้เฉพาะตน เป็นสภาวะที่ธาตุธรรม เห็น จำ คิด รู้ ของผู้นั้นใสบริสุทธิ์ หลุดล่อนจากกิเลสทั้งปวง สรุปง่ายๆ คือ หากกิเลสยังห่อหุ้มจิตใจอยู่มาก ความทุกข์ก็มีมากกว่าความสุข ถ้ากิเลสเบาบางลง ความทุกข์ก็ลดลง ถ้าไม่มีกิเลสเลย ก็มีแต่สุขล้วนๆ ที่เรียกว่า เอกันตบรมสุข

     * ผู้รู้ท่านได้พรรณนาคุณของพระนิพพานเอาไว้ว่า พระนิพพานเป็นเยี่ยม และมีสภาวะที่เย็น สามารถที่จะดับเสียซึ่งกิเลสร้อนแรงที่ทำให้เกิดความเร่าร้อนกระวนกระวายให้ปรากฏขึ้นในดวงใจของสรรพสัตว์ทั้งหลาย เหมือนอุทกวารีทรงไว้ซึ่งลักษณะพิเศษ คือ ความเย็นที่สามารถดับความร้อนความกระวนกระวายในโลกได้

     ธรรมดาว่านํ้าเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์สะอาด สามารถล้างมลทินสิ่งสกปรกได้ เมื่อบุคคลใดได้ดื่มนํ้าบริสุทธิ์เข้าไปแล้ว ย่อมระงับเสียซึ่งความกระหายนํ้า ได้รับความชุ่มฉ่ำใจฉันใด พระนิพพานก็ฉันนั้น สามารถล้างมลทิน คือ กิเลสร้ายที่ทำให้ดวงจิตของสรรพสัตว์ทั้งหลายมัวหมอง ให้สะอาดบริสุทธิ์ได้ เมื่อสาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ดื่มน้ำอมตรสซึ่งบริสุทธิ์คือพระนิพพานแล้ว ย่อมห้ามเสียซึ่งความกระหาย กล่าวคือความปรารถนาที่ติดอยู่ในภพทั้ง ๓ ได้แก่ กามภพ รูปภพ อรูปภพ ความทะยานอยากในภพทั้ง ๓ จะหมดไป ไม่อาลัยอาวรณ์ในวัฏสงสาร อีกต่อไป

     ไม้จันทน์แดงมีคุณลักษณะพิเศษต่างจากพฤกษชาติชนิดอื่น คือ เป็นของหาได้ยาก มิใช่เป็นของหาได้ง่ายๆ เหมือนไม้ธรรมดา พระนิพพานก็เช่นเดียวกัน กว่าบุคคลจะเข้าถึงนั้น ยากยิ่งนัก ต้องมีใจรัก มีความมุ่งมาดปรารถนาอย่างยิ่งยวด เหมือนพระบรมโพธิสัตว์ ต้องอดทนสร้างบารมีมานานถึง ๔ อสงไขยกับแสนมหากัป พระสาวกเองก็ต้องเพียรพยายามปฏิบัติตามพระบรมพุทโธวาท ทุ่มเทเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และต้องปฏิบัติไม่ผิดจากเส้นทางสายกลาง จึงจะได้บรรลุพระนิพพานสมความปรารถนา

     อีกประการหนึ่ง จันทน์แดงมีกลิ่นหอมวิเศษหาที่เปรียบมิได้ฉันใด พระนิพพานก็มีกลิ่นหอมหาที่เปรียบมิได้ฉันนั้น จันทน์แดงเป็นมิ่งไม้ที่ปวงชนต่างพากันยกย่องสรรเสริญว่าเป็นรุกขชาติชั้นสูงชั้นดี เป็นที่พอใจนิยมยินดีของเหล่าชนผู้รู้สรรพคุณของไม้ที่เป็นโอสถทั้งหลาย พระนิพพานก็เช่นเดียวกัน เพราะเป็นคุณชาติที่เหล่าพระอริยเจ้าทั้งหลาย ยกย่องสรรเสริญว่า เป็นธรรมชั้นดี ชั้นสูงประเสริฐสุด เป็นที่พอใจของอริยชนทั้งหลายมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นต้น เพราะฉะนั้น ผู้มีความดำริถูกต้อง จึงปรารถนาพระนิพพาน

     นอกจากนี้ ท่านผู้รู้ยังได้เปรียบคุณของพระนิพพานกับมหาสมุทรเอาไว้ว่า ธรรมดาว่ามหาสมุทรจัดว่าบริสุทธิ์ใสสะอาด เห็นได้จากสัญลักษณ์ที่สำคัญ คือ จะไม่มีซากศพสิ่งสกปรกลอยอยู่ เป็นมหาสมุทรที่สะอาดบริสุทธิ์ พระนิพพานก็เปรียบได้กับมหาสมุทรอันใสสะอาด เพราะว่าพระนิพพานเป็นคุณชาติผ่องใสบริสุทธิ์ ไม่มีซากศพคือกิเลสร้ายต่างๆ ล่องลอยปะปนอยู่เลย

     ธรรมดาว่า มหาสมุทรสุดแสนจะกว้างใหญ่ไพศาล ถึงแม้ว่าคงคามหานที ๔ หรือ ๕ ห้วง จะไหลมารวมลงสักเท่าใด ก็ไม่มีวันที่จะเต็ม ฟากฝั่งแต่ละด้านอยู่ห่างไกลเกินที่จะเห็นด้วยตาได้ พระนิพพานก็มีสภาพคล้ายกัน คือเป็นคุณชาติที่สุดแสนจะกว้างใหญ่ไพศาล ถึงแม้สรรพสัตว์จะเต็มใจพากันปฏิบัติธรรมได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ แล้วไปอยู่ในอายตนนิพพานมีประมาณสักเท่าใดก็ตาม การที่จะทำให้อายตนิพพานเต็มนั้นเป็นไม่มี เกรงอยู่แต่ว่า หมู่สัตว์จะพากันไปไม่ถึงมหาสมุทร คือ พระนิพพาน อันกว้างใหญ่ไพศาลเท่านั้น

     ในพระวินัยปิฏก ได้มีพุทธวจนะปรากฏไว้ว่า

"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนแม่นํ้าทุกสายในโลกที่ไหลไปสู่ที่ตํ่า ย่อมไปรวมลงที่มหาสมุทร และสายฝนตกลงมาจากอากาศไปรวมลงที่มหาสมุทร ความพร่องหรือความเต็มของมหาสมุทรย่อมไม่ปรากฏ ภิกษุจำนวนมากก็เหมือนกัน ถ้าแม้ปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ความพร่องหรือความเต็มของนิพพานธาตุย่อมไม่ปรากฏ อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรซึ่งกว้างใหญ่นั้น ใช่ว่าจะเป็นสถานที่อันว่างเปล่า โล่งๆ ว่างๆ อย่างเดียว โดยที่แท้เป็นที่อยู่อาศัยแห่งหมู่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งมีมากมายสุดจักประมาณได้ อายตนนิพพานก็คล้ายๆ กัน คือเป็นที่อยู่ของพระนิพพานมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระขีณาสพอรหันต์ทั้งหลาย ก็สถิตอยู่ที่นั่น จะว่างเปล่าก็เฉพาะกิเลสอาสวะเท่านั้น"

     นอกจากนี้ มหาสมุทรซึ่งกว้างใหญ่ ย่อมหลากหลายไปด้วยรัตนชาตินานาชนิดชวนให้รื่นรมย์แก่ผู้พบเห็น พระนิพพานนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นรัตนะอันประเสริฐ น่าชมกว่ารัตนชาติใดๆ ทั้งในมนุษย์และเทวโลก กล่าวคือพระวิมุตติธรรม ธรรมอันหลุดพ้นวิเศษดีแล้ว ทรงไว้ซึ่งพระคุณมากมายสุดที่จะประมาณ ซึ่งปุถุชนทั่วไปไม่สามารถได้เชยชมพระวิมุตติธรรมอันยอดเยี่ยมนี้ได้ แต่ผู้มีใจบริสุทธิ์หยุดนิ่งได้อย่างสมบูรณ์แล้วเท่านั้น จึงจะมีโอกาสได้ดูดดื่มวิมุตติรสจากพระนิพพาน

     อุปมาประการสุดท้าย ท่านกล่าวว่า ธรรมดายาถอนพิษงูเป็นโอสถขนานวิเศษ ซึ่งหมองูผู้ปรุงเอาไว้ จะทรงไว้ซึ่งคุณลักษณะพิเศษ สามารถใช้ได้ทันท่วงที คือ เมื่ออสรพิษร้ายขบกัดผู้ใดแล้ว ผู้นั้นย่อมได้รับทุกข์ปางตาย แต่เมื่อเอายาดับพิษงูขนานวิเศษนั้นให้กินหรือใส่แผลแล้ว พิษงูจะเสื่อมคลายหายไป ทำให้ผู้นั้นได้รับความสุขสบายไม่ต้องตายฉันใด

     พระนิพพานก็ฉันนั้น มีคุณประเสริฐเปรียบเสมือนโอสถวิเศษ สำหรับดับพิษงูคือกิเลสร้าย ที่แล่นกำซาบอยู่ในดวงใจของสัตว์ทั้งหลายอยู่ตลอดกาล เป็นพิษร้ายทรมานให้ปวดร้าวแสนสาหัส ให้จมอยู่ในวัฏสงสารไม่มีวันสิ้นสุด ต่อเมื่อพระอริยสาวกใด ได้รับโอสถวิเศษ คือ พระนิพพานเป็นที่พึ่งอาศัยแล้ว ย่อมระงับดับพิษร้าย คือ กิเลสภัยที่มีทุกข์มหันต์ให้สูญหายไปได้ และได้รับความสุขสบายอย่างเดียว ไม่ต้องตายอีกต่อไป เป็นอมตะ เพราะว่าพระนิพพานสามารถรักษาบุคคลผู้ได้เข้าถึงพระนิพพานตลอดกาล ดุจยาถอนพิษงู สามารถรักษาชีวิตของผู้ถูกงูกัด ฉะนั้น

     หลวงพ่อได้พรรณนาถึงคุณของพระนิพพาน เพื่อเราจะได้พอเข้าใจสภาวะของพระนิพพาน ถึงกระนั้น แม้จะยังไม่ค่อยแจ่มกระจ่างนัก เพราะว่า พระนิพพานเป็นปรมัตถธรรม เกินกว่าที่จินตนาการจะไปถึง จะรู้เห็นอย่างแจ่มแจ้งได้ ก็แต่เฉพาะผู้ได้บรรลุมรรคผลนิพพาน หรืออย่างน้อยก็สำหรับผู้ที่ได้เข้าถึงพระธรรมกายที่ชัดใสสว่าง จึงจะรู้จักคุณลักษณะของพระนิพพานอย่างถูกต้อง แต่ถึงอย่างไร ขอให้เชื่อมั่นเถิดว่า พระนิพพานเป็นเป้าหมายอันสูงสุดของพวกเราทุกๆ คน ฉะนั้นให้พยายามหมั่นฝึกฝนใจให้หยุดนิ่ง ให้บริสุทธิ์ผ่องใส จนกว่าเราจะเข้าถึงพระธรรมกาย จะได้ทำพระนิพพานให้แจ้งกันทุกคน

  • พระธรรม เทศนาโดย: พระเทพญาณมหามุนี  
  • นามเดิม พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) 
  • * ภูมิวิลาสินี (พระพรหม โมลี) 

Complete and Continue