1.3 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นผู้หลุดพ้นจากวัฏทุกข์

สังสารวัฎ คือ การเวียนว่ายตายเกิดของสรรพสัตว์ไปตามภพภูมิต่างๆ อย่างไม่มีวันจบสิ้น สังสารวัฎมีกระบวนการของตนเองโดยอาศัยความสัมพันธ์เชิงลูกโซ่ขององค์ประกอบ 3 คือ กิเลส กรรม วิบาก

สังสารวัฎเป็นเรื่องเข้าใจได้ยาก สำหรับบุคคลที่ไม่มีความเชื่อในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีคนจำนวนมากเชื่อว่าตายแล้วสูญ จึงไม่สนใจในเรื่องศีลธรรม ถึงแม้จะมีคนบางกลุ่มเข้าใจในเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด แต่ก็ไม่ทราบหนทางที่จะหลุดพ้นจากสังสารวัฎนี้ มนุษย์มีปัญญาที่จำกัด มักรู้เฉพาะประสบการณ์ที่ผ่านมาในชาติปัจจุบัน ของตนเท่านั้น ไม่ได้ยังรู้เรื่องราวในอนาคต และไม่ทราบเรื่องราวในอดีตของตน หรือบางพวกเช่นฤาษีที่ได้ฝึกบำเพ็ญทางจิต สามารถระลึกชาติได้ในอดีต และหยั่งรู้ชาติในอนาคตได้ แต่ก็เพียงไม่กี่ชาติ คือรู้ไม่หมดนั่นเอง สรรพสัตว์ทั้งหลายไม่ว่าอยู่ในภพภูมิใดก็ตาม ต่างก็จมอยู่ในความทุกข์ จนแยกไม่ออกว่าสิ่งใดเป็นความทุกข์ และไม่คิดหาทางออกพ้นจากทุกข์นั่น

เมื่อใดก็ตามที่มนุษย์มีปัญญา เห็นทุกข์ รู้จักทุกข์ หาต้นเหตุแห่งทุกข์ได้ ก็จะหนทางออกจากทุกข์นั่นเอง ปัญญานี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ชี้แนะแนวทางออกจากทุกข์ ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก การเกิดขึ่นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก แต่ละพระองค์ต้องหาหนทางพ้นทุกข์ เวียนว่ายตายเกิด หลายภพหลายชาติ จนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ธรรม ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ ท่านได้ชี้แนะแนวทางแห่งการพ้นทุกข์ให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย

วิชาศาสตร์การเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้บันทึก และเรียบเรียงเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงพระบริสุทธิคุณ พระปัญญาธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และนำมาเป็นแนวทางในการศึกษาเพื่อให้ทุกคนได้มีที่พึ่ง และหาทางในการพ้นทุกข์ พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ดำเนินรอยตาม..พระพุทธองค์