2.5 กัปที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น

2.5 กัปที่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้น

 มหากัปใดก็ตามที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกใบนี้ มหากัปนั้นๆ ย่อมได้ชื่อว่า...เป็นมหากัปที่ไม่ว่างเปล่าจากคุณวิเศษอันยิ่งใหญ่ นั่นก็คือ...มรรคผลนิพพาน ที่สรรพสัตว์ทั้งหลายสามารถบรรลุได้ด้วยคำสอนของพระพุทธองค์ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงสามารถแบ่งมหากัปออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ ได้แก่

1.สุญกัป หมายถึง มหากัปที่ว่างเปล่าจากมรรคผลนิพพาน กล่าวคือ มหากัปใดที่เป็นสุญกัป มหากัปนั้นจะไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกเลย แม้แต่เพียงพระองค์เดียว     

  นอกจากจะว่างเว้นจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว มหากัปที่เป็นสุญกัป ยังไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระเจ้าจักรพรรดิ มาบังเกิดขึ้นอีกด้วย ดังนั้น จึงกล่าวสรุปได้เลยว่า...มหากัปที่เป็นสุญกัป ย่อมไม่มีมรรคผลนิพพานปรากฏขึ้นแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เพราะสุญกัปเป็นมหากัปที่ว่างเปล่าจากบุคคลผู้ทรงคุณวิเศษ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ ซึ่งบุคคลเหล่านี้...ถือเป็นบุคคลที่เป็นต้นบุญต้นแบบ และเป็นแก่นกลางแห่งความดีงาม ให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง

2.อสุญกัป หมายถึง มหากัปที่ไม่ว่างเปล่าจากมรรคผลนิพพาน กล่าวคือ มหากัปใดที่เป็นอสุญกัป มหากัปนั้นก็จะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลก ถึงแม้ว่ามหากัปใดจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาเพียงพระองค์เดียวก็ตาม แต่ถึงกระนั้น...มหากัปดังกล่าวก็ยังได้ชื่อว่าเป็นอสุญกัปอยู่ดี

นอกจากอสุญกัปจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นแล้ว ในมหากัปที่เป็นอสุญกัป ยังจะมีพระปัจเจกพุทธเจ้า พระเจ้าจักรพรรดิ และบุคคลผู้ทรงคุณวิเศษมาบังเกิดขึ้นอีกด้วย ด้วยเหตุนี้...จึงกล่าวได้ว่าในช่วงอสุญกัป เป็นช่วงที่นรกจะร้าง สวรรค์จะเนืองแน่นไปด้วยผู้ที่มีบุญซึ่งได้ทำทาน รักษาศีล และเจริญภาวนา กันมาอย่างตลอดต่อเนื่อง ดังนั้น อสุญกัปจึงเป็นมหากัปที่เกิดขึ้นได้ยากมากๆ เพราะมหากัปโดยส่วนมากแล้ว จะมีแต่มหากัปที่เป็นสุญกัป (คือ มหากัปที่ไม่มีบุคคลที่เป็นต้นบุญต้นแบบ มาบังเกิดขึ้นเลยแม้แต่เพียงคนเดียว)


มหากัปใดที่เป็นอสุญกัป จะมีต้นไม้ชนิดหนึ่งกำเนิดขึ้นในช่วงต้นกัป (ช่วงที่มหากัปบังเกิดขึ้น)-ซึ่งต้นไม้ต้นนี้ก็คือ ต้นบัว นั่นเอง เพียงแต่ต้นบัวในยุคต้นกัปนั้น จะมีลักษณะที่แตกต่างจากต้นบัวในยุคปัจจุบันมาก กล่าวคือ ต้นบัวในยุคต้นกัปจะมีลักษณะเป็นไม้ยืนต้น (กล่าวคือ เป็นต้นไม้ใหญ่เหมือนต้นโพธิ์หรือต้นไทร)-และเมื่อถึงเวลาออกดอกแต่ละครั้ง ก็จะออกดอกไม่เท่ากัน โดยการออกดอกจะมีจำนวนดอกตั้งแต่หนึ่งดอกจนกระทั่งถึงห้าดอก ซึ่งจำนวนดอกบัวที่เกิดขึ้นนี้ จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า...ในมหากัปนั้นๆจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาบังเกิดขึ้นกี่พระองค์ ด้วยเหตุนี้ ต้นบัวในยุคต้นกัปจึงถูกขนานนามว่า บัวพยากรณ์ ซึ่งถือเป็นต้นไม้ชนิดแรกที่เกิดขึ้นมาบนโลก นอกจากนี้ มหากัปที่เป็นอสุญกัป ยังมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป ตามจำนวนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เสด็จอุบัติขึ้นมาในแต่ละมหากัป ดังต่อไปนี้

1.สารกัป หมายถึง มหากัปที่มีแก่นสาร มหากัปใดที่ถูกเรียกว่า สารกัป แสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกเพียงแค่พระองค์เดียว

2.มัณฑกัป หมายถึง มหากัปที่มีความผ่องใส มหากัปใดที่ถูกเรียกว่า มัณฑกัป แสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกทั้งหมดสองพระองค์

 3.วรกัป หมายถึง มหากัปที่ประเสริฐ มหากัปใดที่ถูกเรียกว่า วรกัป แสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกทั้งหมดสามพระองค์

4.สารมัณฑกัป หมายถึง มหากัปที่ประเสริฐกว่าและมีแก่นสารมากกว่ามหากัปที่ผ่านๆมา มหากัปใดที่ถูกเรียกว่า สารมัณฑกัป แสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกทั้งหมดสี่พระองค์

5.ภัทรกัป หมายถึง มหากัปที่เจริญที่สุดและเกิดขึ้นได้ยากที่สุด มหากัปใดที่ถูกเรียกว่า ภัทรกัป แสดงว่ามหากัปนั้นจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกมากที่สุดถึงห้าพระองค์ ซึ่งในช่วงของภัทรกัปนี้ ถือว่าเป็นมหากัปที่มีจำนวนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้นมาบนโลกมากที่สุด และจะไม่มีมากกว่านี้อีก ด้วยเหตุนี้ ภัทรกัปจึงเป็นมหากัปที่ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลายมีโอกาสจะกระทำอาสวะให้สิ้นไป ได้มากกว่ามหากัปอื่นๆทั้งหมด

Complete and Continue