บทที่ 7 กรณีศึกษาการเวียนว่ายตายเกิดของสัตวโลก

เนื้อหาบทที่ 7 กรณีศึกษาการเวียนว่ายตายเกิดของสัตวโลก

  • 7.1 การท่องเที่ยวในภพภูมิต่างๆ
  • 7.2 เรื่องจริงจากกรณีตัวอย่างชีวิตหลังความตาย

แนวคิด

ภพสาม เป็นที่รองรับของมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย เหล่ามนุษย์และสรรพสัตว์ ต่างเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ ตามกำลังของบุญ บาป กุศลกรรม อกุศลกรรม ที่ตนทำไว้ โดยที่การเวียนว่ายตายเกิดนี้มีมาช้านาน และหาจุดสิ้นสุดไม่พบ เว้นแต่ว่าจะหมดกิเลสจึงจะไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีก


วัตถุประสงค์

เพื่อให้นักศึกษาสามารถเปรียบเทียบและแสดงเหตุผลในแง่ของกฎแห่งกรรมที่ทำให้ความเป็นอยู่ ในปัจจุบัน และชีวิตหลังความตายของมนุษย์แต่ละคนแตกต่างกันได้อย่างเหมาะสม


ความนำ

จากเนื้อหาในบทเรียนที่เราได้ศึกษามาในวิชาจักรวาลวิทยานี้ ทำให้เราทราบเรื่องราวความ เป็นจริงต่างๆ เป็นอันมาก ซึ่งบางเรื่องหรืออาจจะหลายเรื่องที่เราไม่เคยทราบมาก่อน และบางครั้งอาจจะคิดว่ามีอย่างนี้ด้วยหรือ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าเราคุ้นเคยกับความรู้ที่เราเคยศึกษาหรือได้รับการปลูกฝัง ถ่ายทอดกันมาในสมัยที่เราเคยเรียนหนังสือ ตั้งแต่อนุบาลจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัยในระดับต่างๆ ทั้งใน ประเทศและจากต่างประเทศ หรือบางท่านอาจจะเคยรับรู้จากตำราวิทยาศาสตร์ ที่มีการนำเสนอวิทยาการ ใหม่ๆ ออกมาไม่ขาดสาย

แต่ความรู้ทั้งหลายที่เราเคยรับรู้มา ไม่ว่าจะจากการที่ได้ศึกษามาในสถาบันการศึกษา หรือว่าจากความสนใจใฝ่รู้เป็นการส่วนตัวก็ตาม สิ่งที่เรารับรู้รับทราบมานั้นเป็นเพียงขอบเขตที่จำกัด หรือไม่ ตรงเสียทีเดียว เมื่อนำมาเทียบกับความรู้ที่เราได้รับจากการศึกษาในวิชาจักรวาลวิทยานี้

สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า ความรู้ต่างๆ ที่เราได้รับรู้รับทราบ หรือเคยศึกษามานั้น เป็น ความรู้ที่ได้จากการตั้งข้อสันนิษฐานและทำการทดลองด้วยหลักเกณฑ์ต่างๆ ของผู้ที่มีความสนใจใคร่รู้ใน สรรพสิ่งทั้งหลาย ที่เรียกกันว่า นักวิทยาศาสตร์ แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงว่า แม้จะมีการพิสูจน์โดย กระบวนการทดลองต่างๆ แล้ว นั่นเป็นเพียงการคาดคะเน หรืออนุมานเอาจากปัจจัยและองค์ประกอบต่างๆ ที่เกิดขึ้น ยังไม่ใช่ความรู้ที่สมบูรณ์ ซึ่งเราจะสังเกตได้จากการที่มีนักวิทยาศาสตร์รุ่นหลังๆ ค้นคว้าทฤษฎีใหม่ๆ ขึ้นมาหักล้างทฤษฎีต่างๆ ที่นักวิทยาศาสตร์รุ่นก่อนๆ เคยตั้งและพิสูจน์ไว้

แต่ความรู้ที่เราได้ศึกษาในวิชาจักรวาลวิทยานี้ เป็นความรู้ที่เกิดจากการรู้แจ้งเห็นจริงในสรรพสิ่งทั้งหลาย รวมทั้งปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เนื่องจากพระพุทธองค์ทรงรู้แจ้งเห็นจริงในสรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง จึงทำให้ความรู้ของพระองค์เป็นความรู้ที่ถูกต้อง สมบูรณ์และไม่สามารถหักล้างได้ ทั้งนี้เป็นเพราะว่าความรู้ของพระองค์ไม่ได้เกิดจากการตั้งข้อสมมติฐานแล้วอนุมานตามความเห็นของพระองค์ แต่ความรู้ของพระองค์เกิดจากการเห็นด้วยญาณทัสสนะ เห็นด้วยอานุภาพของ พุทธจักขุที่สามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ประดุจสิ่งนั้นๆ วางอยู่บนฝ่าพระหัตถ์ จึงทำให้การเห็นความเป็นไป ของสรรพสิ่งเป็นไปอย่างถูกต้องและชัดเจนตามความเป็นจริง

ความรู้นี้ไม่ได้เป็นสิ่งแปลกใหม่แต่อย่างใด เป็นแต่เพียงสิ่งที่เกิดขึ้นตามปกติของมันเท่านั้นเอง พระพุทธองค์ทรงเป็นผู้พบเห็นด้วยอำนาจพุทธจักขุ และทรงประกาศให้โลกรู้มานานกว่า 2,500 ปีแล้ว ซึ่งก็ได้มีการบันทึกการค้นพบนี้ไว้ในตำราทางพระพุทธศาสนา ที่รู้จักกันในนามว่า พระไตรปิฎก

GL101-7.pdf
Download
Complete and Continue