พระอรหันต์หาได้ยาก (17:18)

พระอรหันต์หาได้ยาก


         พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบรมครูของเรา ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานแล้ว มีความบริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสอาสวะทั้งปวง ได้เข้าถึงฝั่งแห่งพระนิพพานอันเป็นแดนเกษมจากโยคะ ที่ความทุกข์ใดๆ เข้าไปไม่ถึง จึงมีแต่ความสงบเย็น เป็นสุขล้วนๆ ไม่มีทุกข์เจือปน ดังที่พระองค์ตรัสรับรองไว้ว่า นิพพานํ ปรมํ สุขํ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง แต่กว่าที่พระพุทธองค์จะบรรลุเป้าหมายสูงสุดนี้ได้ ต้องสั่งสมบุญบารมีมายาวนาน นับภพนับชาติไม่ถ้วน พวกเราซึ่งเป็นชาวพุทธต้องเจริญรอยตามพระพุทธองค์ ตั้งใจสั่งสมความดีให้เต็มที่ สร้างบุญบารมีกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อไปให้ถึงฝั่งแห่งพระนิพพาน 

                      พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ใน รตนสูตร ว่า
           "เย ปุคฺคลา อฏฺฐสตํ ปสฏฺฐา              จตฺตาริ เอตานิ ยุคานิ โหนฺติ
             เต ทกฺขิเณยฺยา สุคตสฺส สาวกา              เอเตสุ ทินฺนานิ มหปฺผลานิ

       บุคคล ๘ จำพวก ๔ คู่ อันสัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญแล้ว บุคคลเหล่านั้น ควรแก่ทักษิณาทาน เป็นสาวกของพระสุคต ทานที่บุคคลถวายแล้ว ในท่านเหล่านั้น ย่อมมีผลมาก "

       พระอริยบุคคลเป็นบุคคลที่หาได้ยาก เพราะในโลกมนุษย์ของเรา เต็มไปด้วยปุถุชนที่มีกิเลส คือ ราคะ โทสะ และโมหะ ส่วนพระอริยบุคคล คือ ผู้ที่ปฏิบัติธรรมจนได้เข้าถึงพระรัตนตรัย ได้บรรลุธรรมกายโสดาปัตติมรรค ธรรมกายโสดาปัตติผล ธรรมกายสกิทาคามิมรรค ธรรมกายสกิทาคามิผล ธรรมกายอนาคามิมรรค ธรรมกายอนาคามิผล ธรรมกายอรหัตมรรค และธรรมกายอรหัตผล พระอริยบุคคล ๘ จำพวกเหล่านี้ ซึ่งเป็นผู้ควรแก่การทำบุญ มีไม่มากนัก

       ดังนั้น ผู้ได้ทำบุญกับพระอระหันต์ จึงถือว่าได้ทำบุญกับทักขิไณยบุคคล ซึ่งเป็นเนื้อนาบุญอันเลิศ แม้มีไทยธรรมเพียงเล็กน้อย แต่หากทำด้วยจิตที่เลื่อมใส ผลบุญย่อมเกิดขึ้นมาก เกินกว่าที่ใครจะคิดจะคำนวณได้ พระพุทธองค์จึงตรัสไว้ว่า

“นาทั้งหลายมีหญ้าเป็นโทษ หมู่สัตว์นี้ก็มีราคะ โทสะ โมหะเป็นโทษ เพราะฉะนั้น ทานที่ให้ในท่านผู้ปราศจากราคะ โทสะ โมหะ จึงมีผลมาก มีอานิสงส์ไพศาล”

       เรามาศึกษาเรื่องข้อวัตรปฏิบัติของพระอรหันต์กันว่า ท่านมีข้อวัตรปฏิบัติอย่างไรบ้าง จึงได้ชื่อว่า เป็นพระอรหันต์ผู้ควรแก่ทักษิณาของชาวโลก เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อลูกสาวคนรองของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ชื่อว่า จูฬสุภัททา แต่งงานกับลูกชายเศรษฐีต่างเมืองชื่ออุคคเศรษฐี และไปอยู่กับสามีที่ต่างเมืองนั้น เนื่องจากทางตระกูลของสามี แม้จะมีจิตใจงดงาม แต่ยังมิได้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ส่วนใหญ่ยังทำบุญให้ทานกับนักบวชนอกศาสนาอยู่เป็นประจำ

       ในวันมงคลวันหนึ่ง เมื่อพ่อแม่สามีของเธอทำบุญกับนักบวชของตน ได้สั่งลูกสะใภ้ว่า ให้มาไหว้พระอรหันต์ แต่จูฬสุภัททารู้ว่าพวกชีเปลือยเหล่านี้ไม่ใช่พระอรหันต์ และไม่ได้เป็นสมณะผู้มีใจสงบอย่างแท้จริง จึงไม่ออกมาไหว้นักบวชเหล่านั้น มารดาของสามีจึงถามลูกสะใภ้ว่า

“แล้วสมณะของลูก มีรูปร่างหน้าตาเช่นไร ลูกจึงสรรเสริญสมณะเหล่านั้น สมณะเหล่านั้นมีปกติอย่างไร มีความประพฤติอย่างไร ขอให้ลูกช่วยเล่าให้ฟังด้วยเถิด”

        ลูกสะใภ้ผู้มีใจงาม เพราะได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคลแล้ว จึงสามารถแยกแยะออกว่า บุคคลเช่นใดเป็นสมณะผู้ควรแก่ทักษิณาทาน เมื่อเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ประกาศคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้กล่าวสรรเสริญว่า

        “สมณะของลูกเป็นผู้มีอินทรีย์สงบ มีใจสงบ ท่านเดินยืนเรียบร้อย มีจักษุทอดลง พูดพอประมาณ สมณะของลูกเป็นเช่นนั้น กายกรรมของท่านสะอาด วจีกรรมไม่มัวหมอง มโนกรรมหมดจดดี สมณะของลูกเป็นเช่นนั้น ท่านไม่มีมลทิน มีรัศมีดุจสังข์และมุกดา บริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก มั่นคงอยู่ในธรรมอันหมดจดทั้งหลาย สมณะของลูกเป็นเช่นนั้น

       ไม่ว่าโลกจะฟูขึ้นเพราะลาภ และฟุบลงเพราะเสื่อมลาภ ท่านเป็นผู้ตั้งมั่นมีใจมั่นคงไม่หวั่นไหวเพราะได้ลาภและเสื่อมลาภ สมณะของลูกเป็นเช่นนั้น โลกจะฟูขึ้นเพราะยศ และฟุบลงเพราะเสื่อมยศ ท่านก็ไม่หวั่นไหวเพราะมียศและเสื่อมยศ สมณะของลูกเป็นเช่นนั้น แม้โลกฟูขึ้นเพราะสรรเสริญ และฟุบลงเพราะนินทา สมณะของลูกก็จะเป็นผู้ที่มีจิตเป็นกลางสม่ำเสมอ ไม่หวั่นไหวเพราะคำนินทาและสรรเสริญนั้น หรือโลกจะฟูขึ้นเพราะสุข และฟุบลงเพราะทุกข์ ท่านก็ไม่หวั่นไหวเพราะสุขและทุกข์นี้ สมณะของลูกเป็นเช่นนี้”

       เมื่อลูกสะใภ้สรรเสริญคุณของสมณะแท้แล้ว แม่สามีก็กล่าวว่า

“ลูกจะแสดงสมณะทั้งหลายของลูกให้พ่อแม่เห็นบ้างได้ไหม

        ลูกสะใภ้ตอบด้วยความมั่นใจว่า “ได้สิ” ด้วยความมั่นใจในพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพอันไม่มีประมาณ นางให้ตระเตรียมมหาทาน เพื่อพระภิกษุสงฆ์มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข แล้วยืนอยู่บนปราสาทชั้นบน หันหน้าไปทางวัดพระเชตวัน ยกมือพนมไหว้พร้อมทั้งระลึกถึงพระพุทธคุณ ทำการบูชาด้วยของหอม เครื่องอบ ดอกไม้และธูปเทียน กล่าวอาราธนานิมนต์ว่า

        “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หม่อมฉันขอนิมนต์พระภิกษุสงฆ์ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นประมุข เพื่อฉันเช้าในวันรุ่งขึ้น ด้วยการอาราธนาของหม่อมฉันนี้ ขอพระศาสดาทรงรับรู้ว่า หม่อมฉันได้นิมนต์แล้วเถิด” จากนั้นนางได้ซัดดอกมะลิ ๘ กำไปในอากาศ

       ดอกมะลิได้ลอยไปเป็นเพดานดอกไม้ ประดิษฐานอยู่เบื้องบนพระบรมศาสดา ผู้กำลังแสดงธรรมอยู่ในท่ามกลางบริษัททั้งสี่ ขณะเดียวกันนั้นเอง อนาถบิณฑิกเศรษฐีสดับธรรมกถาแล้ว ได้นิมนต์พระบรมศาสดาเพื่อเสวยในวันรุ่งขึ้นเช่นกัน

        พระบรมศาสดาตรัสว่า “คฤหบดี ตถาคตรับกิจนิมนต์ในวันรุ่งขึ้นแล้ว” 
        เมื่ออนาถบิณฑิกเศรษฐีกราบทูลว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ไม่เห็นมีใครมานิมนต์ก่อนข้าพระองค์เลย พระองค์ทรงรับกิจนิมนต์ของใครกัน” เมื่อรู้ว่า ลูกสาวของตนซึ่งอยู่ไกลถึง ๑๒๐ โยชน์ ได้นิมนต์พระพุทธองค์แล้ว ท่านเศรษฐีก็ปลื้มใจที่ลูกสาวจะได้ทำบุญใหญ่

       รุ่งขึ้น วิสสุกรรมเทพบุตรได้เนรมิตเรือนยอด ๕๐๐ หลัง และรอคอยอยู่ที่ประตูวัดพระเชตวัน พระบรมศาสดาทรงเลือกพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ ไปเป็นเนื้อนาบุญ ได้ประทับนั่งในเรือนยอด แล้วเสด็จไปอุคคนคร ฝ่ายทางอุคคเศรษฐีพร้อมด้วยบริวาร มองดูทางเสด็จมาของพระอรหันต์ที่ลูกสะใภ้นิมนต์ไว้ เห็นเหตุอัศจรรย์เช่นนั้น เกิดความเลื่อมใสศรัทธาเต็มเปี่ยม พากันช่วยต้อนรับ ถวายบังคม และถวายมหาทานครั้งยิ่งใหญ่ถึง ๗ วัน วันสุดท้ายพระบรมศาสดาทรงแสดงธรรมให้ท่านเศรษฐีฟัง จนได้บรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันเหมือนลูกสะใภ้ ทำให้เป็นผู้มีศรัทธา ไม่คลอนแคลนในพระรัตนตรัยอีกต่อไป 

        เห็นไหมว่าคนมีบุญ มีปัญญา เขาปรารถนาจะได้ทำบุญใหญ่กับทักขิไณยบุคคล อยากจะทำบุญกับเนื้อนาบุญกันทั้งนั้น และลักษณะของสมณะแท้ คือ ผู้ได้เข้าถึงพระรัตนตรัยไปจนกระทั่ง ได้เป็นพระอรหันต์นั้น หาได้ยาก ปกติใจของพระอรหันต์ทั้งหลายหลุดพ้นจากกิเลสอาสวะหมดแล้ว ล่วงความสุขและทุกข์ในภพทั้งสามได้หมด ท่านมีใจยินดีในพระนิพพาน เสวยเอกันตบรมสุขในพระนิพพานอย่างเดียว โลกธรรม ๘ ซึ่งเป็นของประจำโลก ที่ชาวโลกต้องประสบกันอยู่บ่อยๆ จึงไม่สามารถมีอิทธิพลเหนือจิตใจของท่านได้

        ดังนั้น ทุกท่านต้องมีใจหนักแน่น อย่าไปหวั่นไหวในโลกธรรมทั้งหลาย เมื่อทุกท่านสั่งสมบุญแล้ว ให้หมั่นอธิษฐานจิตให้ดีว่า ขอให้มีโอกาสได้ทำบุญใหญ่กับพระอริยเจ้า ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันเลิศของโลก และจะให้ดีที่สุด พวกเราทุกคนต้องปฏิบัติให้เข้าถึงพระอริยเจ้าภายใน โดยทำใจหยุดนิ่งดำเนินตามปฏิปทาของพระอริยเจ้าทั้งหลาย หมั่นหยุดใจจนกว่าจะเข้าถึงพระรัตนตรัยภายในกันทุกคน

Complete and Continue